ตรวจแรงกดและน้ำหนักเม็ดยาได้แม่นยำ = เม็ดยาคุณภาพสม่ำเสมอ

ลองนึกภาพดูว่า ในหนึ่งวันคุณผลิตเม็ดยาออกมากี่เม็ด?หลักหมื่น? หลักแสน? หรือบางโรงงานอาจแตะหลักล้านเม็ด/วัน ในจำนวนนี้ ถ้ามีเม็ดยาน้ำหนักเบาเกินไปแม้แค่ 5 มิลลิกรัม หรือแรงกดไม่พอจนเม็ดแตกง่าย คุณรู้ไหมว่านั่นอาจเป็นต้นเหตุที่ทำให้ ล็อตนั้นไม่ผ่าน QC หรือ ถูกลูกค้าเคลมคืน ได้เลย และสิ่งที่เสียไป ไม่ใช่แค่เม็ดนั้นๆ แต่รวมถึง “ความน่าเชื่อถือของแบรนด์” ซึ่งกว่าจะได้คืนมา ไม่ง่ายเลย ในบทความนี้ เราจะมาคุยกันว่า ทำไมน้ำหนักและแรงกดของเม็ดยาถึงสำคัญ เครื่องจักรรุ่นใหม่มีเทคโนโลยีอะไรที่ช่วยควบคุมได้แบบ Real-time และทำไมหลายโรงงานจึงเริ่มเปลี่ยนมาใช้เครื่องอัดเม็ดยา GZPT-Y ที่มาพร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับระดับไมครอน เพื่อช่วยให้เม็ดยามีคุณภาพสม่ำเสมอตลอดล็อต ปัญหาน้ำหนักเม็ดยาไม่เท่ากัน อาจดูเล็ก…แต่ผลกระทบไม่เล็กเลย ในสายตาของผู้บริโภคทั่วไป เม็ดยาอาจดูเหมือนกันหมดแต่ในความจริง ถ้าน้ำหนักต่างกันเพียงนิดเดียว อาจส่งผลต่อ: ปริมาณตัวยาที่ร่างกายได้รับ ความแข็งของเม็ด (บดหรือเคี้ยวง่ายเกินไป) เวลาในการละลาย (dissolution) ที่เร็วหรือช้ากว่าที่ควร หรือแม้แต่ “การผ่านมาตรฐาน GMP หรือ FDA” ยิ่งถ้าเป็นยาที่ต้องควบคุมปริมาณตัวยาเข้มงวด เช่น ยาลดความดัน Read more…

สายการผลิตของคุณต้องหยุดงานบ่อยแค่ไหนต่อเดือน?

บางครั้งแค่การหยุดเครื่อง 10–15 นาทีดูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถ้าคุณลองนับรวมทั้งเดือนดูดีๆ คุณอาจจะตกใจว่าเวลาที่เสียไปนั้น เท่ากับ “หนึ่งอาทิตย์เต็มๆ ที่เครื่องไม่ได้ผลิตอะไรเลย” และเมื่อเวลาหยุดงานสะสมขึ้นทุกวัน… นั่นคือกำไรที่ค่อยๆ หายไปโดยที่คุณไม่รู้ตัว ในบทความนี้ เราจะชวนคุณมาเปิดมุมมองใหม่เกี่ยวกับ “Downtime” หรือเวลาที่ไลน์ผลิตหยุด พร้อมแนวทางแก้ไขด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติรุ่นใหม่ เช่น KINETEX Z130 หรือ OSI120 ที่ช่วยให้เครื่องเดินลื่น ยอดผลิตไหลต่อเนื่อง และทีมงานไม่ต้องคอยวิ่งแก้ปัญหาตลอดวัน แค่หยุด 15 นาที…อาจเสียยอดผลิตหลักแสนชิ้นต่อเดือน หลายโรงงานมองว่า การหยุดเครื่องวันละไม่กี่ครั้งเป็นเรื่องปกติ เช่น หยุดเพื่อ: เช็กคุณภาพสินค้า ปรับใบพับหรือตำแหน่งกล่อง เคลียร์ปัญหาจุกจิก รีเซ็ตโปรแกรม แต่ลองคิดตามนี้… ถ้าหยุดวันละ 4 ครั้ง ครั้งละ 15 นาที = 1 ชั่วโมง/วัน เดือนหนึ่งผลิต 25 วัน = หยุดไป Read more…

5 ปัญหาในสายการผลิตยา และวิธีแก้ด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติ

5 ปัญหาในสายการผลิตยา และวิธีแก้ด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติ ทุกวันนี้ โรงงานผลิตยาต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย ทั้งในแง่ของคุณภาพ ความเร็ว มาตรฐานที่เข้มงวด และต้นทุนที่ต้องควบคุมให้อยู่หมัด หลายโรงงานยังคงใช้กระบวนการผลิตแบบเดิม ที่ต้องพึ่งพาแรงงานคนจำนวนมาก และควบคุมคุณภาพด้วยวิธีที่ไม่ทันสมัยเท่าไรนัก นั่นคือจุดเริ่มต้นของปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ จนสะสมเป็นต้นทุนแฝง และอาจกลายเป็นอุปสรรคต่อการขยายกำลังผลิตในอนาคต บทความนี้จะพาคุณไล่เรียง “5 ปัญหาหลักในสายการผลิตยา” ที่พบได้บ่อยในโรงงานทั่วประเทศ พร้อมวิธีรับมือด้วย “เครื่องจักรอัตโนมัติ” ที่ทำได้มากกว่าแค่เดินไลน์ แต่สามารถ “วัด-ปรับ-ควบคุม” ได้แบบ Real-time 1. น้ำหนักเม็ดยาไม่สม่ำเสมอ น้ำหนักเม็ดยาคือเรื่องใหญ่ โดยเฉพาะกับโรงงานที่ต้องส่งออกหรือตรวจรับโดยหน่วยงานอย่าง FDA หรืออย. ถ้าเม็ดยาเบาหรือหนักเกินเกณฑ์แม้แค่เล็กน้อย ก็ถือว่า “ไม่ผ่าน” สาเหตุที่น้ำหนักไม่สม่ำเสมอมักเกิดจาก: แรงอัดไม่คงที่ การป้อนผงไม่เสถียร ปริมาณผงในถังป้อนลดลงแต่เครื่องยังจ่ายเท่าเดิม ความชื้นของผงเปลี่ยนแต่แรงกดไม่ปรับตาม โรงงานจำนวนมากยังคงพึ่งการ “หยุดเครื่องแล้วชั่งตัวอย่าง” เป็นระยะๆ ซึ่งไม่เพียงพอต่อการควบคุมคุณภาพในยุคนี้ แนวทางแก้:เครื่องอัดเม็ดยาอัตโนมัติรุ่นใหม่ เช่น GZPT-Y Series มาพร้อมระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับแรงอัดและน้ำหนักของเม็ดแบบ Read more…

เปลี่ยนแม่พิมพ์ได้เร็วใน Blister Machine เพิ่มรอบการผลิตได้ทันที

เปลี่ยนแม่พิมพ์ได้เร็วใน Blister Machine เพิ่มรอบการผลิตได้ทันที ลองจินตนาการดูว่าทุกครั้งที่คุณต้องเปลี่ยนสูตรผลิต เปลี่ยนขนาดบลิสเตอร์ หรือเปลี่ยนชนิดของแผ่นฟอยล์ในไลน์ผลิต blister คุณต้องหยุดเครื่อง แล้วใช้เวลาอีกเกือบชั่วโมงเพียงแค่ “เปลี่ยนแม่พิมพ์” ไม่ว่าจะเป็นฟอร์มมิ่ง (Forming), ซีล (Sealing) หรือปั๊มตัด (Punching) ทุกอย่างดูวุ่นวายและกินเวลาจนคุณรู้สึกว่าเสียเวลาไปเปล่าๆ ปัญหานี้เกิดขึ้นทุกวัน และบ่อยครั้งที่มันกลายเป็นต้นทุนแฝงที่ทำให้โรงงานผลิตของคุณสูญเสียโอกาสในการสร้างรายได้ โดยที่คุณอาจไม่เคยรู้ตัวด้วยซ้ำ แค่เปลี่ยนแม่พิมพ์ช้า ก็พาให้ทั้งไลน์สะดุด ในสายการผลิต blister ที่มีการเปลี่ยน SKU หลายรายการต่อวัน การเปลี่ยนแม่พิมพ์ไม่ใช่แค่ขั้นตอนเล็กๆ แต่คือจุดคอขวด (bottleneck) สำคัญ ถ้าเครื่องเปลี่ยนยาก ใช้แรงคนเยอะ ต้องปรับตำแหน่งหรือขันน็อตหลายจุด ทุกอย่างจะช้าลงทันที และเมื่อเครื่องหยุด = คุณไม่ได้เงิน พนักงานยังทำงาน แต่เครื่องไม่เดิน วัตถุดิบรอการผลิต แต่ยังไม่ถูกใช้ ออเดอร์ถูกเลื่อน หรือบางครั้งอาจโดนลูกค้ากดราคาจากการส่งของล่าช้า เวลาที่เสียไปตรงนี้ = ต้นทุนที่ไม่เคยปรากฏในบัญชี แต่สะสมจนกระทบยอดรวมปลายเดือนอย่างแน่นอน เสียเวลาเท่าไหร่ Read more…

PROPAK ASIA 2022

นางสาวรุ้งเพชร ชิตานุวัตร์ ผู้อำนวยการกลุ่มโครงการ ภูมิภาคอาเซียน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ผู้จัดงาน ProPak Asia 2022 กล่าวว่า “สถานการณ์โควิด-19 เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่ชี้ให้เห็นว่าความผันผวนด้านแรงงาน และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคนั้นเป็น ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการผลิตในหลายอุตสาหกรรม ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีการพึ่งพาแรงงานในสายการผลิตจากประเทศเพื่อนบ้านอยู่ไม่น้อย หรือแม้แต่แรงงานที่เป็นคนไทยเองก็ตาม ต่างประสบกับปัญหาจากการระบาดของเชื้อโรค ทำให้ไม่สามารถรวมตัวเพื่อทำการผลิตในพื้นที่เดียวกันได้ซึ่งในปัจจุบันมีการพัฒนาเทคโนโลยีในด้านการผลิตที่จะเข้ามทดแทนการใช้กำลังคนเกิดขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทั้งจากในไทยและต่างประเทศ ที่จะสามารถช่วยให้ผู้ประกอบการลดการพึ่งพาแรงงาน หรือบริหารทรัพยากรบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามความจำเป็น และว่าด้วยเรื่องของการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคนั้นเกิดจากการได้รับผลกระทบในภาวะโควิด 19 ที่เกิดขึ้นทำให้วิถีการจับจ่ายใช้สอยเปลี่ยนแปลง ความต้องการสินค้าและบริการนั้นคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัย และสุขอนามัยเป็นหลัก ปัจจัยสำคัญทั้งแรงงาน และพฤติกรรมผู้บริโภคนั้นจึงให้การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยลดความเสียหายในการผลิต และยังสามารถควบคุมคุณภาพของผลผลิต ลดการสัมผัสปนเปื้อน ที่ในปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งได้อีกด้วย”