ตรวจแรงกดและน้ำหนักเม็ดยาได้แม่นยำ = เม็ดยาคุณภาพสม่ำเสมอ

ลองนึกภาพดูว่า ในหนึ่งวันคุณผลิตเม็ดยาออกมากี่เม็ด?
หลักหมื่น? หลักแสน? หรือบางโรงงานอาจแตะหลักล้านเม็ด/วัน

ในจำนวนนี้ ถ้ามีเม็ดยาน้ำหนักเบาเกินไปแม้แค่ 5 มิลลิกรัม หรือแรงกดไม่พอจนเม็ดแตกง่าย คุณรู้ไหมว่านั่นอาจเป็นต้นเหตุที่ทำให้ ล็อตนั้นไม่ผ่าน QC หรือ ถูกลูกค้าเคลมคืน ได้เลย

และสิ่งที่เสียไป ไม่ใช่แค่เม็ดนั้นๆ แต่รวมถึง “ความน่าเชื่อถือของแบรนด์” ซึ่งกว่าจะได้คืนมา ไม่ง่ายเลย

ในบทความนี้ เราจะมาคุยกันว่า

  • ทำไมน้ำหนักและแรงกดของเม็ดยาถึงสำคัญ

  • เครื่องจักรรุ่นใหม่มีเทคโนโลยีอะไรที่ช่วยควบคุมได้แบบ Real-time

  • และทำไมหลายโรงงานจึงเริ่มเปลี่ยนมาใช้เครื่องอัดเม็ดยา GZPT-Y ที่มาพร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับระดับไมครอน เพื่อช่วยให้เม็ดยามีคุณภาพสม่ำเสมอตลอดล็อต

ปัญหาน้ำหนักเม็ดยาไม่เท่ากัน อาจดูเล็ก…แต่ผลกระทบไม่เล็กเลย

ในสายตาของผู้บริโภคทั่วไป เม็ดยาอาจดูเหมือนกันหมด
แต่ในความจริง ถ้าน้ำหนักต่างกันเพียงนิดเดียว อาจส่งผลต่อ:

  • ปริมาณตัวยาที่ร่างกายได้รับ

  • ความแข็งของเม็ด (บดหรือเคี้ยวง่ายเกินไป)

  • เวลาในการละลาย (dissolution) ที่เร็วหรือช้ากว่าที่ควร

  • หรือแม้แต่ “การผ่านมาตรฐาน GMP หรือ FDA”

ยิ่งถ้าเป็นยาที่ต้องควบคุมปริมาณตัวยาเข้มงวด เช่น ยาลดความดัน ยาเคมีบำบัด หรือยาในกลุ่มฮอร์โมน การเบี่ยงเบนของน้ำหนักแม้เพียง 1–2% ก็ทำให้ “ไม่ผ่าน”

หลายโรงงานต้องเสียของเป็นจำนวนมาก หรือโดน reject ล็อตใหญ่ เพราะเจอปัญหาเหล่านี้ในจุดที่ “แก้ไม่ทันแล้ว”

น้ำหนักเม็ดยาเกี่ยวอะไรกับ “แรงกด”?

น้ำหนักเม็ดยา = ปริมาณผงที่ถูกอัดเข้าไปในแม่พิมพ์
แรงกด = ความแน่นของการอัดเม็ดในแต่ละรอบ

สองอย่างนี้ต้อง “สัมพันธ์กัน” และ “เสถียร” ทุกรอบการผลิต
ถ้าระบบป้อนผงไม่เสถียร → น้ำหนักเม็ดเบา
ถ้าแรงกดไม่คงที่ → เม็ดอัดแน่นบ้าง หลวมบ้าง
สุดท้ายคือ QC เจอ “ไม่ผ่าน” และคุณต้องหยุดไลน์ หรือรื้อผลิตใหม่ทั้งล็อต

ตรวจน้ำหนักและแรงกดแบบ manual = เสี่ยงและเสียเวลา

หลายโรงงานยังใช้วิธีเดิมๆ เช่น:

  • หยุดเครื่องทุก 30 นาที เพื่อหยิบเม็ดยามาชั่ง

  • ใช้คนดูว่าเม็ดยาแตกหรือไม่

  • ปรับแรงกดด้วยมือแบบสุ่ม

ซึ่งไม่เพียงไม่แม่นยำ แต่ยังเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาในช่วงที่ “ไม่มีใครสังเกตเห็น”
เพราะระหว่างการเดินเครื่องตลอดทั้งวัน มีปัจจัยเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เช่น:

  • ความชื้นของผงเปลี่ยน

  • เครื่องร้อน

  • แรงดันอากาศไม่เสถียร

  • แม่พิมพ์เริ่มสึก

ระบบ manual ไม่สามารถตรวจจับสิ่งเหล่านี้ได้ทันเวลา

ทางออกของปัญหา: ใช้ระบบ Real-time Monitoring ควบคุมคุณภาพตลอดเวลา

เครื่องอัดเม็ดยารุ่นใหม่ เช่น GZPT-Y Series มาพร้อมระบบที่สามารถ “ตรวจวัดแรงกดและน้ำหนัก” ของเม็ดยาแบบ Real-time
ไม่ต้องรอหยุดเครื่อง ไม่ต้องใช้คนมาคอยสุ่มชั่งอีกต่อไป

คุณสามารถเห็นค่าเหล่านี้บนหน้าจอได้ตลอด:

  • ค่าความดันของแต่ละหัวตอก (กี่กิโลนิวตัน)

  • น้ำหนักเฉลี่ยของเม็ดยา

  • ค่าเบี่ยงเบนของน้ำหนักแต่ละเม็ด

  • จำนวนเม็ดที่ “หลุดเกณฑ์” และถูก reject ไปแล้ว

ซึ่งระบบนี้ไม่ได้แค่รายงานอย่างเดียว แต่สามารถ “สั่งปรับค่าอัตโนมัติ” ได้ด้วย เช่น:

  • เพิ่มแรงกดเมื่อตรวจพบเม็ดอ่อน

  • ลดแรงกดเมื่อเม็ดแข็งเกิน

  • ปรับรอบการป้อนผงอัตโนมัติเพื่อรักษาน้ำหนักให้คงที่

GZPT-Y Series: เครื่องอัดเม็ดยาที่ให้ความแม่นยำในระดับ “ไมครอน”

เครื่อง GZPT-Y ถูกออกแบบมาสำหรับโรงงานที่ต้องการคุณภาพระดับสูง
รองรับการผลิตยาเม็ดหลากหลายสูตร โดยเฉพาะยาที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น ยาแผนปัจจุบัน อาหารเสริม หรือยาส่งออก

จุดเด่นที่ช่วยให้เม็ดยาคุณภาพสม่ำเสมอ:

  • เซ็นเซอร์ตรวจจับแรงกดละเอียดระดับไมครอน

  • ระบบเก็บข้อมูลแรงอัด-น้ำหนัก แบบต่อเนื่อง (ไม่ใช่แค่ sampling)

  • ระบบคัดแยกเม็ดอัตโนมัติทันทีเมื่อเกินค่ากำหนด

  • มี HMI แสดงค่าแรงกดและน้ำหนักเรียลไทม์

  • รองรับ FDA 21 CFR Part 11 (พร้อม Audit Trail และ Log ผู้ใช้งาน)

  • ปรับค่าด้วยระบบ servo ความแม่นยำสูง

  • ลด Downtime จากการหยุดเครื่องเพื่อตั้งค่าซ้ำ

สรุป: ถ้าอยากให้เม็ดยาคุณภาพเท่ากันทุกเม็ด คุณต้องควบคุมแรงกดและน้ำหนักให้แม่น

ไม่ว่าจะเป็นโรงงานขนาดเล็ก กลาง หรือใหญ่
ถ้าคุณอยากลดของเสีย เพิ่มอัตราผ่าน QC และทำให้ลูกค้ามั่นใจในมาตรฐาน
คุณต้องควบคุมแรงกดและน้ำหนักตั้งแต่ต้นทาง

และนั่นคือสิ่งที่ GZPT-Y ทำได้ดีที่สุด
ไม่ใช่แค่ “อัดเม็ดให้เร็ว” แต่ “อัดให้แม่นทุกเม็ด”

Share the Post:

Related Posts

สายการผลิตของคุณต้องหยุดงานบ่อยแค่ไหนต่อเดือน?

บางครั้งแค่การหยุดเครื่อง 10–15 นาทีดูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถ้าคุณลองนับรวมทั้งเดือนดูดีๆ คุณอาจจะตกใจว่าเวลาที่เสียไปนั้น เท่ากับ “หนึ่งอาทิตย์เต็มๆ ที่เครื่องไม่ได้ผลิตอะไรเลย” และเมื่อเวลาหยุดงานสะสมขึ้นทุกวัน… นั่นคือกำไรที่ค่อยๆ หายไปโดยที่คุณไม่รู้ตัว ในบทความนี้ เราจะชวนคุณมาเปิดมุมมองใหม่เกี่ยวกับ “Downtime” หรือเวลาที่ไลน์ผลิตหยุด พร้อมแนวทางแก้ไขด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติรุ่นใหม่ เช่น KINETEX Z130 หรือ OSI120 ที่ช่วยให้เครื่องเดินลื่น ยอดผลิตไหลต่อเนื่อง และทีมงานไม่ต้องคอยวิ่งแก้ปัญหาตลอดวัน แค่หยุด 15 นาที…อาจเสียยอดผลิตหลักแสนชิ้นต่อเดือน หลายโรงงานมองว่า การหยุดเครื่องวันละไม่กี่ครั้งเป็นเรื่องปกติ เช่น หยุดเพื่อ: เช็กคุณภาพสินค้า ปรับใบพับหรือตำแหน่งกล่อง เคลียร์ปัญหาจุกจิก รีเซ็ตโปรแกรม

Read More

5 ปัญหาในสายการผลิตยา และวิธีแก้ด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติ

5 ปัญหาในสายการผลิตยา และวิธีแก้ด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติ ทุกวันนี้ โรงงานผลิตยาต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย ทั้งในแง่ของคุณภาพ ความเร็ว มาตรฐานที่เข้มงวด และต้นทุนที่ต้องควบคุมให้อยู่หมัด หลายโรงงานยังคงใช้กระบวนการผลิตแบบเดิม ที่ต้องพึ่งพาแรงงานคนจำนวนมาก และควบคุมคุณภาพด้วยวิธีที่ไม่ทันสมัยเท่าไรนัก นั่นคือจุดเริ่มต้นของปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ จนสะสมเป็นต้นทุนแฝง และอาจกลายเป็นอุปสรรคต่อการขยายกำลังผลิตในอนาคต บทความนี้จะพาคุณไล่เรียง “5 ปัญหาหลักในสายการผลิตยา” ที่พบได้บ่อยในโรงงานทั่วประเทศ พร้อมวิธีรับมือด้วย “เครื่องจักรอัตโนมัติ” ที่ทำได้มากกว่าแค่เดินไลน์ แต่สามารถ “วัด-ปรับ-ควบคุม” ได้แบบ Real-time 1. น้ำหนักเม็ดยาไม่สม่ำเสมอ น้ำหนักเม็ดยาคือเรื่องใหญ่ โดยเฉพาะกับโรงงานที่ต้องส่งออกหรือตรวจรับโดยหน่วยงานอย่าง FDA หรืออย. ถ้าเม็ดยาเบาหรือหนักเกินเกณฑ์แม้แค่เล็กน้อย ก็ถือว่า

Read More